วรรณกรรมโลกสมมติ | สรุปหนังสือใน 3 คำ เน้นๆ กระชับ ชัดเจน

ทบทวนหนังสือในชุด 'วรรณกรรมโลกสมมติ' ทั้ง 7 เล่ม ก่อนถึงเวลาของ 'โลกแบน เรื่องรักหลากมิติ'

// เราให้ 3 คำที่บ่งบอกความเป็นหนังสือแต่ละเล่ม //

คุณอาจไม่เชื่อว่า 'สังคมต่ำทราม' ที่คุณต้องเจอ...ได้ถูกบันทึกอยู่ในหนังสือเหล่านี้ อ่าน 'โลกสมมติ' บนดินแดนแห่งความจริง!!!

ตัวหนังสือเหล่านี้ ป่าวร้องตะโกนถึงสาระสำคัญบางประการต่อชีวิตปัจเจกและสังคมโดยรวม มันเรียกร้องอย่าง 'สุภาพนุ่มนวล' ต่อผู้อ่านถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

มันร้องเรียกถึง ‘โลกสมมติ’ และสะท้อนให้เห็นถึง 'ความดีงาม' และ 'ความชั่วร้าย' ที่อยู่ปะปนเหลื่อมซ้อนทับกัน

ตัวหนังสือเหล่านี้ยังคงอยู่กับเรานานเท่านาน หนังสือทุกเล่มคัดสรรมาแล้วอย่างที่เชื่อว่าดี เพราะเราเชื่อว่า "ไม่มีอะไรจะเสียเวลามากไปกว่าการอ่านโดยไม่เลือก"


 

// Utopia //

1. political-philosophy
2. state of ideal
3. good place / no place

Best Utopian Books Everyone Should Read
หนังสือที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งที่ทุกคนควรอ่าน
-- interestingliterature.com --

"...ยูโทเปียไม่ได้เป็นเพียงที่ที่ดีหรือที่ที่ไม่มีที่ใดเหมือน
ทว่ายังเป็นสถานที่ในความคิดที่ทำให้เรามองเห็นข้อจำกัดของโลกที่เราอยู่..."
-- ลีโอ สเตราส์ (Leo Strauss) --

Speculative, Practical, or Satirical.
งานเขียนที่ชวนคิดถึงความเป็นไปได้ และเหน็บแนมในเวลาเดียวกัน
-- Encyclopaedia Britannica --
•••
นวนิยายคลาสสิคของ เซอร์ โธมัส มอร์ (Sir Thomas More) นักเขียน นักการเมือง นักมนุษยนิยม และนักบุญผู้เรืองนามจากศตวรรษที่ 16

นวนิยายที่ไม่มีสังคมใดเป็นเหมือนอย่างที่เขากล่าวอ้าง ซึ่งถือเป็นต้นแบบ หรือที่มาของคำว่า utopia หรือ 'สังคมอุดมคติ' ที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

ยูโทเปีย ทำให้เราเห็นถึงข้อจำกัดและเงื่อนไขมากมายที่เรากำลังเผชิญอยู่ในสังคม ทำให้เราต้องคิดถึงน้ำหนักของคำว่า 'ความเป็นไปได้' 'โอกาส' จนกระทั่งคำว่า 'ความฝัน' !

คลิกสั่งซื้อ ยูโทเปีย (Utopia) 

=============================
  

// 1984 - Nineteen Eighty-Four //

1. depressing
2. banned-book
3. double-think

ประชาชนที่เลือกปวารณาตัวเป็นเครื่องมือให้แก่รัฐ กับ ประชาชนที่เลือกขบถต่อวิถีชีวิตอันบิดเบี้ยวเช่นนี้ ผู้มีอำนาจจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร

สภาพสังคมสุดโต่งใน หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ อาจคลับคล้ายกับสังคมที่เราอาศัย - ขอเชิญพิสูจน์ได้ใน หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ (1984) ฉบับภาษาไทย

หากสังคมที่คุณอยู่ ทำให้คุณคิดว่าชีวิตคุณไม่ได้เป็นของคุณ ข้อความนี้อาจจริงเพียง 'ครึ่งหนึ่ง' ในสังคมของ หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ (1984)

แท้ที่จริง 'สมอง' ของคุณต่างหากที่ไม่ได้เป็นของคุณ เพราะเพียงการหลงละเมอในค่ำคืนหนึ่งว่า 'พี่เบิ้มจงพินาศ' คุณก็ต้องได้รับโทษเสียแล้ว

ระหว่าง 'ประชาชนที่เลือกปวารณาตัวเป็นเครื่องมือให้แก่รัฐ' กับ 'ประชาชนที่เลือกขบถต่อวิถีชีวิตอันบิดเบี้ยว' - เราจะเลือกแบบไหนกัน

ทั้งสองขั้วดังกล่าวบรรจุอยู่ใน หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ (1984) ฉบับภาษาไทยเล่มนี้ ให้ผู้อ่านเชิญพิจารณาและตั้งข้อสงสัย (ทั้งสังคมในโลกหนังสือและในสังคมที่อาศัยอยู่)

100 Greatest Novels of All Time -- The Guardian --

100 Novels Everyone Should Read -- The Telegraph --

100 Greatest British Novels -- BBC --

100 Best Novels -- Modern Library --

คลิกสั่งซื้อ หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ (1984)

// Looking Backward //

1. time-travel
2. romantic
3. socialist

Looking Backward คือ "หนังสือยอดเยี่ยมและควรสดุดีเล่มหนึ่ง ที่เคยพิมพ์มาในอเมริกา"
-- อีริค ฟรอห์ม (Eric Fromm) --

Best Utopian Books Everyone Should Read
หนังสือที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งที่ทุกคนควรอ่าน
-- interestingliterature.com --

"..มองกลับ ควรเป็นวรรณกรรมที่ถูกอ่านและพิจารณาอย่างจริงจัง..."
-- วิลเลียม มอร์ริส (William Morris) --

เบลลามีสร้างโลก 'ยูโทเปียคลาสสิค' ที่ได้ถ่ายทอดความคิดแบบสังคมนิยม ซึ่งให้ความสำคัญต่อ
- ศีลธรรม
- ความดีงาม
- และอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคและเท่าทียม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มองกลับ (Looking Backward) เรื่องเล่าของบอสตันคือ 'พิมพ์เขียว' ของโลกในอุดมคติที่ผู้คนใฝ่หา

นวนิยายที่อุดมไปด้วยหลักในการจัดการทางสังคมที่ 'เสมอภาค' และ 'ปราศจากการกดขี่จากรัฐ' (และการกดขี่กันเองของผู้คน) ผ่านบทสนทนาของ ดร.ลีท และ คุณเวสท์

ไม่มากไม่น้อย นวนิยายยูโทเปียคลาสสิคของเบลลามีเล่มนี้จะทำให้ผู้อ่านตกผลึกทางความคิด

เหมือนที่สร้างความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนในอเมริกันและยุโรป เมื่อหนังสือเล่มนี้ปรากฏสู่บรรณพิภพครั้งแรกในปี ค.ศ. 1888

คลิกสั่งซื้อ มองกลับ (Looking Backward)

=============================

// The Time Machine //

1. time-travel
2. adventure
3. mysterious

Best sci-fi and fantasy novels of all time -- The Telegraph --

Top 100 Science-Fiction, Fantasy Books -- NPR Books --

หากคุณต้องการท่องไปในปี ค.ศ.802701 เห็นถึงการ 'เสียดสี' การแบ่งชนชั้นของอังกฤษ
รวมถึงแง่มุมเรื่อง 'เวลา' ในฐานะที่เป็นมิติที่สี่
.
ไม่ควรพลาด!!! ต้นกำเนิดนิยายที่มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับ 'การเดินทางข้ามเวลา' ของ เอช. จี. เวลส์ เล่มนี้
•••
เมื่ออนาคตพัฒนาถึงขั้นที่เราไม่ต้องฆ่าฟันกัน ร่างกายเราจะมีสภาพแบบใด ความแข็งแรงและความแข็งแกร่งคงไม่มีความจำเป็น...นั่นอาจจะหมายความว่าเราอ่อนแอลง?
•••
แนะนำเรื่องราวในอนาคตปี ค.ศ.802701 - ยุคที่ไร้สงครามและการต่อสู้!
.
ตบท้ายเล่มด้วยบทกล่าวตาม โดย วิษณุ โชลิตกุล --- พูดถึงเบื้องลึกชีวิตของนักเขียน เบื้องหลังความคิดที่ซ่อนอยู่ในเรื่องเล่าผจญภัยอันตระการตาเล่มนี้

คลิกสั่งซื้อ เดอะ ไทม์ แมชชีน (The Time Machine)

============================= 

// WE //

1. totalitatian
2. truthful
3. bondage

"ความเข้าใจโดยสัญชาตญาณของผู้เขียนเกี่ยวกับ 'ความไร้เหตุผลของเผด็จการเบ็ดเสร็จ' ทำให้ WE เหนือชั้นกว่า Brave New World"
-- จอร์จ ออร์เวลล์ (George Orwell) --

the Creator of a uniquely modern genre, the anti-Utopian novel
-- Encyclopædia Britannica --

ซามียาตินคือผู้ริเริ่มงานเขียนโมเดิร์นที่สดใหม่ นั่นคือวรรณกรรม 'anti-Utopian'
•••
"One of the best!" New York Review of Books

"Fantastic." The New York Times

"WE is one of the great novels of the twentieth century." Irving Howe
•••
เยฟกีนี ซามียาติน (Yevgeny Zamyatin) นักเขียนที่ จอร์จ ออร์เวลล์ (George Orwell) ยกย่องเชิดชู และสตาลินก็ยังรู้จัก

เคยต้องไปนอนคุกที่เลขห้องขังคือ 112 จนกลายเป็นเลขที่ซามียาตินขยาดเป็นที่สุด!!!
•••
นักประพันธ์แห่งศตวรรษที่ 20 ผู้นี้ต้องถูกคุมขังเพราะเขาได้เข้าร่วมต่อสู้กับระบบพระเจ้าซาร์ในช่วงการปฏิวัติ (1905)

นั่นเป็นเหตุให้ WE วรรณกรรมดิสโทเปียอันลุ่มลึกเล่มนี้มีห้อง Auditorium หมายเลข '112'
•••
ในสภาพสังคมที่คุณมีชื่อเป็นเพียง 'รหัส' และมีบ้านเป็นเหมือน 'กรงโปร่งใส'
คุณจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปอย่างไร...

นวนิยายรัสเซียแนว Anti-Utopian ที่จะทำให้คุณนึกถึง '1984' ของ George Orwell และ 'Brave New World' ของ Aldous Huxley!!!
•••
คำเตือน! วี (WE) ของ เยฟกีนี ซามียาติน (Yevgeny Zamyatin)
จะทำให้ผู้อ่านเย็นยะเยือกและสั่นสะท้าน...ย้ำอีกครั้ง! เราเตือนคุณแล้ว

คลิกสั่งซื้อ วี (WE) 

============================= 

// The Country of the Blind //

1. sarcastic
2. belief
3. isolation

อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อคนปกติ ถูกตัดสินว่า 'ผิดปกติ'
อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อคนผิดปกติ กลับเป็น 'คนปกติ'

ฟังดูคล้ายกับสภาพบ้านเมืองที่ใดสักแห่ง?!!!
•••
นี่คือวรรณกรรมดิสโทเปียระดับ 'ต้องอ่าน' โดยเฉพาะสภาพบ้านเมืองในยุคนี้สมัยนี้

ทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงมีผู้อ่านชื่นชอบ และพูดถึงมากที่สุดเล่มหนึ่ง นั่นอาจเป็นเพราะว่า

- เทียบเคียงกับสภาพสังคมการเมือง ณ ปัจจุบัน ได้อย่างแยบคายและชวนขบคิด!
- ตั้งคำถามและข้อสังเกตที่ยอกย้อนกลับหัวหลับหาง
- เป็นวรรณกรรมประเภทดิสโทเปียที่มีมุมมองแหลมคม
- สั้น กระชับ ถึงแก่น
•••

พิเศษ!!! บทกล่าวตามท้ายเล่ม และเพิ่มเติมตอนจบทั้ง 2 แบบ

1. บทกล่าวตาม โดย มุกหอม วงษ์เทศ --- รับรองซี้ดส์ทุกบรรทัด (คลิกอ่านบางส่วนที่ https://www.sm-thaipublishing.com/content/5644/country-mookhom)

2. รวบรวมตอนจบทั้ง 2 แบบไว้ในเล่มเดียว! -- โดยทั้ง 2 แบบมีประเด็นให้ชวนขบคิดต่ออย่างน่าทึ่ง
ด้วยพล็อตอันเย้ายวน บรรยากาศที่ร่วมสมัย เล่มบางอ่านจบในคืนเดียว และอาจจะหมดในเร็ววัน

ขอให้ผู้อ่านเตรียมพร้อม รอให้หนังสือเล่มนี้เดินทางสักพัก

แม้คุณจะเป็น 'คนตาดี' แต่ในดินแดนคนตาบอด...คุณอาจมองไม่เห็นอะไรเลย!

คลิกสั่งซื้อ ดินแดนคนตาบอด (The Country of the Blind)

============================

// Erewhon //

1. satirical
2. darwinism
3. thrilling

the Greatest English Writer of the Latter Half of the Nineteenth Century
-- จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ (George Bernard Shaw) --
หนึ่งในนักเขียนอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดช่วงหลังศตวรรษที่ 19

ถ้าเราปล่อยให้เขาเขียนหนังสือต่อไป พวกเราคงจะต้องเป็นบ้าตาย
-- อี. เอ็ม. ฟอร์สเตอร์ (E.M. Forster) --
•••

เอเรวอน ผลงานสำคัญเล่มนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น
- วรรณกรรมเสียดสีที่ดีที่สุดที่เคยมีมานับตั้งแต่ Gulliver’s Travels
- Best Utopian Books Everyone Should Read -- interestingliterature.com --
•••

เรื่องราวการผจญภัยอันเข้มข้นในดินแดนใหม่แปลก เป็นการโจมตีทางปัญญาที่มีต่อแนวคิดเรื่องต่อไปนี้ ‘ความรับผิดชอบของมนุษย์’, ‘ศรัทธาที่มนุษย์มีต่อศาสนา’ และ ‘ความสามารถทางสติปัญญาของมนุษย์’

พบกับเรื่องราวจากปลายปากกาของ 'ขบถของสังคม' ที่เชื่อมั่นในความคิดตนเองอย่างไม่ผ่อนปรน แม้จะต้องแลกมาด้วยราคาใดก็ตาม!!!
•••

ซามูเอล บัตเลอร์ (Samuel Butler)

1. ได้รับการยกย่องว่าเป็น 'นักคิดหัวก้าวหน้าที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล'
2. มีอิทธิพลต่อ อัลดัส ฮักซเลย์ (Aldous Huxley) ผู้ที่กล่าวว่า Brave New World นวนิยายเรื่องดังของเขาได้รับแรงบันดาลใจจาก 'เอเรวอน' เล่มนี้
3. ได้รับคำชื่นชมจากทั้ง จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ (George Bernard Shaw) และ อี. เอ็ม. ฟอร์สเตอร์ (E.M. Forster) 

นักเขียนอังกฤษคนนี้ทำให้ผู้คนต้องอับอาย ไม่ใช่เพราะสิ่งที่พวกเขากระทำ แต่เพราะสิ่งที่พวกเขาคิดและรู้สึก

แม้ว่าเขาจะล้มเหลวในช่วงที่มีชีวิต แต่ชื่อเสียงกลับโด่งดังและมีคนผลงานเขากลับมาตีความใหม่อีกครั้งหลังจากที่เขาเสียชีวิต

คลิกสั่งซื้อ เอเรวอน ดินแดนไร้แห่งหน (Erewhon or Over the Range)

// Flatland //

1. multidimensional
2. revolutionary
3. instructive

“Flatland คือบทนำที่ดีที่สุดที่เคยมีคนเขียนถึงการมองเห็นมิติต่างๆ”
-- ไอแซค แอซิมอฟ (Isaac Asimov: 1920 - 1992) ศาตราจารย์ด้านชีวเคมีและนักเขียนนวนิยายวิทยาศาสตร์
•••
นี่คือ ‘บทนำทางคณิตศาสตร์’ ที่พาผู้อ่านไปสู่โลกของเรขาคณิตที่มีหลากหลายมิติ  และเป็นวรรณกรรมเสียดสี เพราะผู้เขียนได้วิพากษ์สังคมวิกตอเรียนที่เขาอาศัยอยู่ผ่านโลกสมมติที่เขาสร้างขึ้น

หนังสือเล่มนี้กลับมาโด่งดังอีกครั้งเมื่อไอน์สไตน์ (Albert Einstein: 1879 - 1955) เผยแพร่ทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Theory of Relativity) เพราะ Flatland มีเนื้อหาหลักกล่าวถึงการสำรวจและการพิจารณาความเป็นไปได้ของมิติทางคณิตศาสตร์ ซึ่งรวมถึงแนวคิดเรื่องเวลาในฐานะมิติที่สี่

สอดคล้องกับทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ ส่งผลให้ Flatland กลายเป็นวรรณกรรมที่นักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ และผู้ที่ศึกษาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ต่างก็นิยมกันเป็นอย่างยิ่ง
•••
ผู้ที่ได้อ่านทั้งทฤษฎีสัมพัทธภาพและงานเขียนเรื่อง Flatland จะค้นพบเหมือนกันว่า

ความตื่นตะลึงเมื่ออ่านเจอแนวคิดเรื่องมิติที่สี่ในงานของไอน์สไตน์นั้นช่างไม่ต่างจากความตื่นตะลึงของ ‘A Square’ ตัวละครหลักในเรื่องค้นพบโลกสามมิติเลยแม้แต่น้อย 

คลิกสั่งซื้อ โลกแบน เรื่องรักหลากมิติ 

=============================

สนใจสั่งซื้อวรรณกรรมยูโทเปียและดิสโทเปียชั้นเลิศยกชุดในราคาพิเศษ

คลิกสั่งซื้อ Set วรรณกรรมโลกสมมติ