Last updated: 3 เม.ย 2565 | 6398 จำนวนผู้เข้าชม |
หากคุณโปรดปรานการวิ่ง จะในความหมายของออกกำลังกาย หรือความหมายอื่น วันใดวันหนึ่งคุณอาจเคยวิ่งอยู่บนถนนเดียวกับ วิภาส ศรีทอง เพราะในทุกวัน วิภาสมักใช้เวลาช่วงเย็นค่ำไปวิ่งออกกำลังกาย วันละ 6 - 7 กิโลเมตร ต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ไม่ว่าวันนั้นเขาจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้
“การวิ่งทำให้มีวินัยและส่งผลต่อการทำงานทางความคิดในระยะยาว ร่างกายที่เต็มร้อย เอื้อต่อสมาธิได้ดี หัวใจที่แข็งแรง เอื้อต่อการคิดเป็นระบบ หัวใจที่อ่อนแอ ความคิดมักสะเปะสะปะ” เขาเชื่อตามนั้น
วิภาส ศรีทอง เกิดและเติบโต กระทั่งเข้าสู่การเรียนหนังสือตามระบบการศึกษาที่จังหวัดพัทลุง แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่นมัธยมปลาย วิภาสก็มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานครตามครอบครัว สอบเอ็นทรานซ์เข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์ เขาเรียนแพทย์รามาฯ ที่มามาจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ของอเมริกา แต่สุดท้ายก็พาตัวเองออกจากเส้นทางตรงหน้า ยุติเส้นทางแพทย์ฯ ผันเปลี่ยนไปตามจังหวะของชีวิต จึงไม่แปลกนัก หากหนึ่งในหลายตัวละครของวิภาสจะเป็นอดีตนักเรียนแพทย์ที่มักตั้งคำถามต่อ 'ระบบ'
แต่เหมือนว่าเส้นทางที่ผันมาจะชัดเจนขึ้น วิภาสเริ่มมีเรื่องสั้น บทกวี และงานศิลปะ เผยแพร่สู่สาธารณะ ผลงานบางส่วนได้รับรางวัลจากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย เขามีรวมเรื่องสั้นอย่าง แมวเก้าชีวิต (2545) และ เวลาล่วงผ่านอุโมงค์ (2551) มีหนังสือเชิงทดลองอย่าง วรรณรูปตรึงตากลบท (2554) และผลงานอีกหลากหลาย ก่อนที่ในวันหนึ่ง ตัวละครตัวหนึ่งของเขาเกิดนึกคิดอยาก “จับชายสักคนหนึ่งมาขังในกรง” เขาจึงให้กำเนิดนวนิยายเล่มสำคัญ อย่าง คนแคระ (2555) นวนิยายที่พาเราจมดิ่งไปสำรวจทุกซอกมุมในจิตใจของตนเอง และ 'คนแคระ' ก็ได้รับรางวัลซีไรต์ในปีนั้น
หากดูตามช่วงเวลาที่ตีพิมพ์ วิภาสหลั่งไหลงานเขียนของเขาออกมาอย่างต่อเนื่อง เรียงคิวกันอย่างสมควรตามเวลา ทั้ง นวนิยายหนาหนักอย่าง หมาหัวคน (ปลายปี 2555), หลงลบลืมสูญ (2558), นวนิยายขนาดสั้น อนุสาวรีย์ (2561) และล่าสุดในปี 2563 กับรวมเรื่องสั้นชุดใหม่ ในชื่อ รยางค์และเงื้อมเงา
โดยพื้นฐาน วิภาสให้ความสำคัญกับการจดบันทึก จะด้วยความเคยชินในฐานะนักเรียนแพทย์ หรือ การจัดการเรื่องราวในฐานะนักเขียน เขามักจะจดบันทึกทุกความนึกคิดไว้ให้มากที่สุด โดยไม่ให้อะไรลื่นหลุดจากการฉวยจับจากความนึกคิด เผื่อเหลือเผื่อเก็บที่สักวันอาจจำเป็นต้องใช้ ขมวดเก็บทั้งหมดไว้อย่างรัดกุม แน่นอนว่า ลักษณะอันสำคัญนี้คือ แหล่งเก็บรวมวัตถุดิบชั้นเลิศของฉาก และความลึกรอบด้านของตัวละคร ของเขา
ตัวละครของวิภาสมักปราศจากการยับยั้งชั่งใจ แต่นี่กลับคือเสน่ห์อันแปลกประหลาด มันให้ความรู้สึกโปร่งโล่งเหมือนกึ่งๆ การอ่านนั้นได้ระบายอะไรบางอย่างออกมา ทะลักทลายกลั่นไหลจากการควบแน่นของกลุ่มก้อนความคิดที่ยังไม่ถูกจำแนก บ่อยครั้งก็ทิ้งร่องรอยซึ่งสื่อไปถึงอะไรสักอย่างที่ยากอธิบาย ชวนฉงนฉงายที่มาจากจิตใต้สำนึกของตัวเอง แล้วกลายเป็นเรา - ผู้อ่าน ที่พยายามสร้างความหมายจากสภาวะอันไร้เนื้อหานั้น ชวนให้เกิดการขวนขวายตรวจสอบและสืบค้นความนึกคิดอย่างเป็นจริงเป็นจัง
กล่าวสำหรับผลงานล่าสุด รวมเรื่องสั้น รยางค์และเงื้อมเงา คือการออกมาอีกครั้งเพื่อยืนถึงการทำงานอย่างต่อเนื่อง ในระยะเวลาอันสม่ำเสมอ ของนักเขียนคนหนึ่ง
แต่สำหรับปัจเจกในฐานะ วิภาส ศรีทอง นี่คือการยืนยันถึงความคิดที่ว่านักเขียนต้อง "ทำงานแต่ละชิ้นขยับไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไปให้ถึงระดับที่ตัวเองคาดไม่ถึง" เป็นการคืบไปข้างหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะปักตรึงตัวเอง ต้องขยับเพดานขึ้นไปเรื่อยๆ หลุดพ้นจากการมองเห็นเพดานของตัวเอง
สนใจคลิกสั่งซื้อ Set วิภาส ศรีทอง
==================
26 ส.ค. 2565
26 ก.ย. 2565
25 ก.ย. 2565
16 ก.ย. 2565