SALE Online Bookfair

นวนิยาย (พยายามโรแมนติก) ของนักเขียนหนุ่มเรื่องนี้ นำเสนอเรื่องราวของคนสามรุ่น บอกเล่าที่มาที่ไปซึ่งเป็นความขัดแย้งและสืบเนื่องกันมา จนทำให้ตัวละครหลักที่ชื่อ 'ชอบ อนุจารี' ตัดสินใจกระทำการบางอย่างต่อชีวิตของตัวเอง ประจักษ์พยานทั้งหลายในนวนิยายเรื่องนี้ อาทิ อนุทิน จดหมาย นิยายขนาดสั้น อีเมล และเศษซากของความทรงจำ นับเป็นเครื่องยืนยันที่เหลืออยู่ถึง ‘ภาวะที่รางเลือนอันชัดเจน’ ของคนคนหนึ่ง รวมถึงเป็นการยืนยันของการมีอยู่และการสิ้นสลายไปพร้อมๆ กัน ไม่บ่อยครั้งนัก ที่นักเขียน (หนุ่มร่วมสมัย) จะสามารถนำเสนอเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ความทรงจำ การเมือง และความรัก ให้อยู่ในรูปแบบของนวนิยายในระดับที่เรียกว่า 'เอาอยู่' มีทั้ง 'ความลึกซึ้งกินใจ' และ 'ความจริงจังในเชิงวิพากษ์' ---------------------- " […] สิ่งเดียวที่เป็นความจริงยิ่งกว่าในทุกๆ สิ่งของชีวิตที่คุณได้ถือกำเนิดเกิดมา คุณต้องตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่ว่ามีหรือไม่มีคนรัก ไม่ว่ามีหรือไม่มีคนชัง เราต่างเกิดและตายโดยลำพัง เสียงที่คุณปรารถนาได้ยินจากขอบฟ้าไกลโพ้นนั้นไม่เคยมีอยู่จริง […] " บางส่วนจาก ดังนั้นจึงสิ้นสลาย

ว่ากันว่าผลงานเล่มแรกของนักเขียนมักมีความดุดัน เกรี้ยวกราด กล้าหาญ ชานนที เขียนกวีเล่มแรกด้วยความรู้สึกเช่นนั้น และยังมีความเศร้าซึมหวนไห้เพิ่มเข้ามาอีกด้วย เขาเชื่อว่าพื้นที่ระหว่างบรรทัดของบทกวีนั้นมีเสน่ห์ เพราะมันได้ใช้ประโยชน์จากที่ว่างนั้นเพื่อเกลื่อนความแน่ชัดในบทกวี บทกวีจึงเป็นภาพเบลอสลัว ชวนคิด ท้าทาย และน่าลุ่มหลง ชานนทีไม่ได้ตั้งตนเป็นศาสดาที่หวังให้ผู้อ่านเปลี่ยนความคิด แต่อยากให้ผู้อ่านตั้งคำถามมากขึ้น คำถามทั้งหลายที่เคยเป็น 'ส่วนเกิน' บัดนี้ มันจะกลายเป็นปรากฏการณ์ 'จำเป็น' ที่ขาดไปไม่ได้เสียแล้ว

“ประสบการณ์สมมติครั้งสุดท้าย” เป็นถ้อยคำทีถูกเรียบเรียงจากความพิลึกพิลั่นอันซุกซนทางความคิด มีลักษณะเพ้อเจ้อไร้สาระหาความหมายพิเศษใดๆ ไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ถูกสมมติขึ้นมา ให้เราตั้งชื่อมัน และจัดมันอยู่ในกลุ่มงานเขียนที่มีชื่อเรียกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กวีนิพนธ์ บทบันทึก ความเรียง ร้อยกรอง ร้อยแก้ว บทความ เรื่องสั้น หรืออะไรก็แล้วแต่ แท้จริงแล้ว มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่เกิดขึ้นระหว่างความฟุ้งซ่านของนักละเมอเพ้อพกผู้เสพติดห้วงเวลาแห่งความคิดฝันที่พลุ่งพล่านออกมากับความซุกซนของถ้อยคำที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ในซอกหลืบอันรกรุงรังของสมองที่ยังไม่ถูกล้างเท่านั้น มีเส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างกวีนิพนธ์กับถ้อยคำปราศจากฉันทลักษณ์ซึ่งเป็นรสนิยมที่ถูกปกป้องด้วยอัตลักษณ์ของผู้อ่านซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกสมมติขึ้นมาเพื่อถูกเรียกว่าความจริง

ความรื่นรมย์อันเกิดจาก 'ความรัก' ผ่านกระดาษย่อมเพียงพอ เมื่อความมืดบอดและความเกลียดชังแพร่กระจายอยู่ทั่ว นี่คือหนังสือว่าด้วยความรักที่แตกต่างจากความรักทั่วไป เราจะได้สัมผัสถึงความหวานละมุนทางภาษาในแต่ละบทแต่ละตอน ทว่า...เราก็อาจรู้สึกได้ถึงความรวดร้าวในท่วงทำนองตัวอักษรระหว่างบรรทัดอีกด้วย เหลี่ยมมุมต่อความรักที่ไม่เคยเผยให้เห็นมาก่อน ย่อมโผล่ผุดขึ้นมาระหว่างการอ่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ความรักศักดิ์สิทธิ์ บทกวี โดย ชิตะวา มุนินโท กลับมาตีพิมพ์อีกครั้ง (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2544 โดย สนพ. ไม้แขวนเสื้อ) 14 ปี สำหรับวรรณกวีว่าด้วยเรื่องราวของความรัก คำนำ โดย สมพงษ์ ทวี' และ สิทธิธรรม โรหิตะสุข (บลูด้า) พร้อมบทวิจารณ์ โดย สกุล บุณยทัต -------------------- "…บางที ส่วนที่ขาดหายไปของบทกวีรัก คือความศักดิ์สิทธิ์..." บางส่วนจาก คำนำโดย สมพงษ์ ทวี'

หลายคนจดจำเขาในฐานะบุรุษชุดชมพูที่ถูกเรียกขานว่า 'พิงค์แมน' หลายคนชื่นชอบ และมีเครื่องหมายคำถามพ่วงท้ายเวลาเขาทำ 'สื่อศิลปะแสดงสด' (Performance Art) ขณะที่หลายคน เรียกเขาว่า 'กวี' และเขาเองก็พูดอยู่ว่า 'ฉันคือบทกวี' 'สุญญกาล' บทกวีคัดสรรผ่านห้วงเวลากว่า 30 ปี ของ สมพงษ์ ทวี' หนึ่งในกวีไทยร่วมสมัยที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องและมีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่น ไม่มากและไม่น้อยไปกว่านี้ การอ่านกวีนิพนธ์เล่มสำคัญในชีวิตของผู้เขียน ที่เขาต้องการ "สื่อสารกับผู้คนร่วมโลก ทั้งด้วยท่าทีแห่งกัลยาณมิตร และการประกาศถึงความเป็นศัตรูกับบางสิ่งที่เป็นอคติต่อจิตวิญญาณ" เป็นการดื่มด่ำอันอึงอลไปด้วยคำถาม ทว่าเมื่อกลุ่มคำถามที่ถาโถมเข้าใส่ขณะอ่านคลี่เกลียว ย่อมเกิดความปีติต่อการรู้แจ้งต่อบางสิ่งเป็นแน่

รวมบทกวีสะเทือนอารมณ์ ด้วยภาษาก้าวร้าวของวัยหนุ่ม ===== หากการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและห้วงอารมณ์คือหน้าที่ของบทกวี หนังสือเล่มนี้ทำหน้าที่ของมันได้ตรงไปตรงมาอย่างที่สุด ••• ศูนย์ (When Zero Exists, All is Zero) รวมบทวีหนาหนัก ชวนเรากระโดดออกจากการสถาปนาความดีงามห่าเหวตั้งแต่เริ่มต้น ค้นพบนิยามและความหมายของชีวิตด้วยตัวเอง ผิด-ถูก เจ็บปวด เป็นเพียงโน้ตตัวหนึ่งก็เท่านั้น ••• - ต่ำตม ไร้ค่า กระด้าง หยาบ ปฏิเสธการเป็นตำนานและขบถต่ออุดมคติห่าเหวลวงโลก !!! - ไปให้ไกลจาก ‘ความดีสูงส่ง’ โต้ตอบด้วยความดิบเถื่อน ใช้แรงกดทับบดขยี้ให้ ‘ศีลธรรม’ แหลกสลาย ทั้งหมดกลายเป็นบทกวี ••• ไม่แน่ว่า ‘คำสอน’ อาจมาจากเสียงดนตรีกระแทกกระทั้นที่จริงใจ ••• ‘ความดีงาม’ อาจเป็นเพียงปริมาณดีกรีของการร่ำสุราในค่ำคืนหนึ่ง ••• ส่วน ‘นิพพาน’ นั่นเล่า ช่างแม่งปะไร!!!

รวมบทกวีที่เพียบพร้อมด้วยความเชื่อ และบกพร่องในความปลิ้นปล้อน ทุกสิ่งมิได้เป็นไปตามฤดูกาล (Nothing Follows Its Season) ถึงแม้ความเชื่อถูกสั่นคลอน แต่บทกวีเหล่านี้กลับยืนหยัดท้าทายอยู่ได้ บทกวีของสาและคุกรุ่นด้วยเปลวไฟของจิตสำนึก แม้สิ่งชั่วช้าและภาพอันหลอกหลอนจะรบกวนโสตประสาทของเขา ถ้อยคำของบทกวีผู้นี้ตีแผ่ความจริง ความลวง ภาพฝัน สัจธรรม แม้ว่าความกลัว ความเศร้า หรืออีกหลายอย่างอาจนำทางไปสู่ทางตันและความมืดมิด ทว่าไม่มากก็น้อยตัวอักษรของกวีผู้นี้ยังคงยืนกรานว่า หากเรายังมีศรัทธาความเชื่อแม้เพียงเสี้ยวหนึ่ง หนทางข้างหน้าเราย่อมสร้างเองได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

หากคุณยอมศิโรราบต่อความพ่ายแพ้ รวมบทกวีเล่มนี้จะฉุดรั้งคุณขึ้นมา! ศตวรรษแห่งความพ่ายแพ้ (In the Century of Collapse) คือรวมบทกวีแห่งความเกรี้ยวกราดที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของการต่อสู้บนดินแดนที่ไม่มีอยู่จริง จำนวนถึง 106 บท บางบทพาเราไปอยู่ในความคิดของกาลเวลา บางบทเสียดสีมนุษย์ด้วยบทกวีเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ลิง บางบทดูโรแมนติคแต่กลับแฝงนัยในประเด็นที่กลับทำให้ผู้อ่านทึ่ง รวมบทกวีเล่มนี้ลงตัวด้วยเนื้อหาอันเกรี้ยวกราดรุนแรง และมีความหลากหลายในประเด็นทั้งตัวตน ชีวิต การเมือง แต่ที่เด่นชัดที่สุดและเป็นสเน่ห์ของรวมบทกวีเล่มนี้คือ บทกวีหลายบทอยู่บนฉากเหนือจริง มันดิสโทเปีย ล้ำสมัย จนทำให้น่าอ่านและติดตามไปตลอดทั้งเล่ม

รวมบทกวีสังเกตการณ์ และเสียงสะท้อนจากด้านในที่ผุพัง ===== เมื่อเสียงต่างๆ ถูกทำให้เบาลงกระทั่งเงียบสนิท ตัวหนังสือของกวีเท่านั้นที่ดังอยู่ ••• จุดตัดบนฟากฟ้า (An Intersection in the Sky) รวมบทกวีที่ให้เสียงสะท้อนของการเฝ้ามองที่มีต่อโลก เพื่อนมนุษย์ ความรุนแรง ความจริง ความฝัน ความทรงจำ ••• - เสียงสะท้อนในบทกวีเหล่านี้ชวนให้เราตระหนักว่า ทุกเสียงเท่ากัน - เมืองหลวงไม่ใช่ฟันเฟืองเดียวในประเทศ และก็อีกเช่นกัน ‘พลเมือง’ หมายถึงทุกคน - ความรุนแรงขัดแย้งมีอยู่ทุกวินาทีของโลกใบนี้ หากเพียงเราหยุดฟัง เสียงเหล่านั้นก็จะกึกก้องกัมปนาท ••• นี่คือบทกวีที่กระตุกเตือนให้เราตระหนักต่อ ‘ทุกผู้คน’ ••• ไม่แน่ว่า เราอาจต้องลบล้างทุกมายาคติและการปลูกฝัง เริ่มตั้งต้นทำความเข้าใจโลกใบนี้ใหม่ทั้งหมด จากบทกวีเพียงบทเดียว

นี่คือรวมเรื่องสั้นขนาดกำลังดีทั้ง 10 เรื่อง นี่คือความแตกต่างหลากหลายของประเด็นที่นำเสนอ ทว่าทั้งหมดเกิดจาก 'อาณาจักรเดียวกัน' ••• ทั้ง 10 เรื่องสั้นลงตัวในพื้นที่แห่งนี้ ••• เสน่ห์ในงานชุดนี้คือการได้อ่าน - เรื่องเล่าประหลาดในท่วงท่าสามัญธรรมดา - หรือแม้แต่เรื่องเล่าธรรมดาทว่ากลับงดงามที่สุด ••• งานของฟ้าให้เราทั้งความจริงและความฝัน บางครั้งมันเหมือนจริง บางครั้งมันเหมือนฝัน ••• บางครั้งเราคิดว่าตัวอักษรตรงหน้านั้นสยบยอมต่อเรา แต่ทุกครั้งที่อ่านจบ มันกระทบและฝังบางอย่างไว้อย่างที่เคยเป็นมาเสมอ

นี่คือการพาผู้อ่านกลับไปหางานเขียนในรูปแบบและประเภทต่างๆ ทั้งบทกวี แคนโต้ ความเรียง เรื่องสั้น ••• กล่าวได้ว่า หาก M i n o r คือ 'นิทรรศการตัวหนังสือของของฟ้า' อันหมายถึงรูปแบบงานเขียนทั้งหมดที่ผ่านมา ••• เราก็พอจะสรุปได่ว่า M a j o r ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ 'ความเป็นฟ้า' ที่ประกอบร่างสร้างงานเขียนให้ปรากฏบนดาวโลกนี้ ••••••••• ไม่มีใครเขียนถึงสนามม้าได้สนุกเพียงนี้อีกแล้ว ไม่มีใครเขียนถึงใบไม้ใบหนึ่งได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้อีกแล้ว ไม่มีใครเล่าถึงสงครามจักรวาลได้น่าฟังและคิดตามได้เพียงนี้อีกแล้ว ••• เชื่อเถอะว่า 'ตัวหนังสือของฟ้า' ไม่ใช่ว่าใครก็เขียนได้ . ถ้าจะเข้าถึง 'อาณาจักรเแห่งตัวอักษรของฟ้า’ และ ‘จักรวาลแห่งถ้อยคำของฟ้า’ . ก็ต้องเป็นฟ้าเท่านั้นที่นำทางเราไป

นิยายระดับ 'เวิลด์คลาส' เล่มล่าสุดในชุดวรรณกรรม 'โลกสมมติ' หรือเรียกอีกอย่างว่า งานประเภท dystopian novel ‘เอเรวอน ดินแดนไร้แห่งหน’ ของ ‘ซามูเอล บัตเลอร์’ Erewhon เป็นการโจมตีทางปัญญาที่มีต่อแนวคิดเรื่องต่อไปนี้ ‘ความรับผิดชอบของมนุษย์’, ‘ศรัทธาที่มนุษย์มีต่อศาสนา’ และ ‘ความสามารถทางสติปัญญาของมนุษย์’ Erewhon ได้รับการยกย่องให้เป็นวรรณกรรมเสียดสีที่ดีที่สุดที่เคยมีมานับตั้งแต่ Gulliver’s Travels เอเรวอน ดินแดนไร้แห่งหน (Erewhon or Over the Range) วรรณกรรมโลกสมมติลำดับที่ 7 ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ ซามูเอล บัตเลอร์ (Samuel Butler) : เขียน ประสิทธิ์ ตั้งมหาสถิตกุล : แปล ปิยะวิทย์ เทพอำนวยสกุล : บรรณาธิการ ปฐมพงศ์ น้ำใจดี : ออกแบบปก ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ พิมพ์ครั้งแรก : ตุลาคม 2560 ความหนา : 348 หน้า

3rd Largest Bestseller of its time, after Uncle Tom's Cabin and Ben-Hur

One of the earliest works of science fiction

"One of the best!" -- New York Review of Books -- "Fantastic." -- The New York Times -- "WE is one of the great novels of the twentieth century." -- Irving Howe -- ในสภาพสังคมที่คุณมีชื่อเป็นเพียง 'รหัส' และมีบ้านเป็นเหมือน 'กรงโปร่งใส' คุณจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปอย่างไร... คำเตือน! วี (WE) ของ เยฟกีนี ซามียาติน (Yevgeny Zamyatin) จะทำให้ผู้อ่านเย็นยะเยือกและสั่นสะท้าน...ย้ำอีกครั้ง! เราเตือนคุณแล้ว วรรณกรรมโลกสมมติลำดับที่ 5 ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ เยฟกีนี ซามียาติน (Yevgeny Zamyatin) : เขียน ประสิทธิ์ ตั้งมหาสถิตกุล : แปล ไชยันต์ รัชชกูล : บทนำ ปิยะวิทย์ เทพอำนวยสกุล : บรรณาธิการ ปฐมพงศ์ น้ำใจดี : ออกแบบปก ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ ┈ ┉ พิมพ์ครั้งแรก : ตุลาคม 2558 ความหนา : 276 หน้า

One of the greatest classic novels of all time