12 บทกวีแนะนำ สำหรับผู้มีถ้อยคำเป็นอาวุธ

Last updated: 18 มี.ค. 2566  |  147996 จำนวนผู้เข้าชม  | 

12 บทกวีแนะนำ สำหรับผู้มีถ้อยคำเป็นอาวุธ


ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ เขียนไว้ตอนหนึ่งในหนังสือ
กบฏวรรณกรรม: บทวิเคราะห์ประวัติศาสตร์และการเมืองในวรรณกรรม ว่า

"ในวินาทีแห่งการสำนึกถึงเสรีภาพนั้นเอง ที่เรามีความรู้สึกว่า เพียงเราเขียนประโยคประท้วงสังคมและรัฐบาลเพียงวรรคเดียวบนผนังเหนือโถปัสสาวะผู้ชายในห้องน้ำที่ตึกห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัย ก็จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งในตึกและในมหาวิทยาลัยแห่งนั้น และกระทั่งถึงรัฐบาลได้"

จากข้อความข้างต้นพอจะกล่าวได้ว่า 'ถ้อยคำ' คือ 'อาวุธ' และเป็น 'เครื่องมือสำคัญ' ในการแสดงความคิด ทรรศนะ กระทั่งความรู้สึก ที่อยากทะลุลวงสิ่งกดทับต่างๆ

โดยเฉพาะ ถ้อยคำที่สั้น กระชับ แต่ตรงจุด กล่าวให้ชัดก็คือ 'บทกวี' นั่นเอง

ในปัจจุบัน การใช้บทกวีในความหมายของการระบัดระบายต่อสู้กลับมาชัดเจนอีกครั้ง เราจะเห็นนักเขียน นักวิชาการบางท่านออกมาแสดงความรู้สึกอัน 'เฉียบคม' และ 'ฉับไว' ต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น อาจารย์เกษียร เตชะพีระ ที่มักจะแต่ง 'บทกวี' หรือ 'บทกลอน' สะท้อนความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์และสถานการณ์นั้น ล่าสุดกับการตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ที่ลงมติตัดสิทธิ์ทางการเมืองของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

เพื่ออนาคตใหม่ไม่จำนน
เขายืนขึ้นเย้ยฟ้าท้าดินด้าว
ด้วยถึงคราวรวมชนคนผู้กล้า
ชันเข่าเหยียดหลังฝืนยืนขึ้นมา
ยกสองแขนยันฟ้าขาหยัดดิน
ด้วยความหวังศรัทธาอนาคต
คนไม่ใช่ปลวกมดสยบสิ้น
จึงล้านแสนแขนขาเลิกชาชิน
ออกแรงดิ้นรนรวมร่วมหยัดยืน
ฟ้าทลายดินถล่มเข้าโถมทับ
เขาเข่าทรุดแบกรับจนสุดฝืน
กระอักแแค้นแน่นขมอมเลือดกลืน
กัดฟันแย้มยิ้มชื่นยืนขึ้นมา
อดีตกาลผ่านไปไม่มีแล้ว
ปัจจุบันไร้แวววันข้างหน้า
สู้พ่ายแพ้สู้ใหม่ใส่ยิบตา
เพื่ออนาคตใหม่ไม่จำนน

สำนักพิมพ์สมมติเชื่อว่า บทกวี คือ อาวุธที่ทรงพลัง เราจึงขอนำเสนอ 12 บทกวีที่ยืนหยัดชัดเจนในหลักการจากวรรณกรรมไทยนอกกระแส ที่เราเชื่อว่านี่คือ Message ที่สำคัญและอยากส่งตรงถึงผู้อ่าน


- 1 -
เพื่อความสงบสุข
แล้วหันปลายกระบอกปืนมายังเรา
สั่งให้วาดรอยยิ้มบนใบหน้า
ยินดีกับการมาของพวกเขา
ไม่ง่ายดายเหมือนจับพู่กัน
แต้มตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์
เรามีความรู้สึก
คิดเป็นและแตกต่าง
กลมกลืนอยู่ในความขัดแย้ง
ปรารถนาที่จะเลือกด้วยมือของเราเอง
เราจะยิ้มให้หัวขโมยได้อย่างไร
นี่คือการปล้นแสงจันทร์ไปจากกลางคืน
โยนเรากลับสู่ยุคมืด
ผลักไสผู้แข็งขืนเป็นพ่อมดแม่มด
เผาทำลายหลักการอยู่ร่วมกัน

บทกวี รอยยิ้ม ในเล่ม จุดตัดบนฟากฟ้า


- 2 -

คุณก็รู้ กระสุนมันมาจากทิศใด
จากหมอกทะมึนปกคลุมท้องฟ้า
จากเทพยดาที่ขโมยพระอาทิตย์
มาไว้ในกำมือ
เราพูดไม่ได้, พระอาทิตย์หมุนอยู่ใต้ลิ้นของท่าน
เราพูดไม่ได้, น้ำลายของท่านอาบยาพิษ
กระบอกปืนอาญาสิทธิ์จ่อหัวเรา
โธ่... ประชาธิปไตยที่มีสร้อย
เครื่องทรงรุงรังบิดเบือนสิทธิคน
รอบด้านในประเทศคือกระจกหลอกลวง
ลำแสงหักเหตกกระทบเหลี่ยมมุมไม่รู้จบ
มันวิ่งนำวิถีกระสุน
เหมือนกับว่า  มีโลงอยู่ก่อนแล้ว
ก่อนหน้าจะมีคน
ก่อนหน้าจะมีแผ่นดินด้วยซ้ำ
เทพยดาที่น่าเลื่อมใสคือพ่อค้าขายโลง
ดูสิ,  เขาบริจาคโลงให้คนไม่มีอันจะกิน
น่าซาบซึ้ง
แต่ประชาชนไม่ยอมให้ลูกหลานก้มหัว
ต้องยื้อแย่ง
เอาพระอาทิตย์คืน
และเปลวไฟกวาดล้างแผ่นดิน

บทกวี พระอาทิตย์ในโลงศพ ในเล่ม จุดตัดบนฟากฟ้า


- 3 -

ด้วยแรงงานของพวกเรา
แลกเหงื่อบำรุงชาติ
หากประวัติศาสตร์
ลืมเขียนชื่อของพวกเราในธนบัตร
เพื่อนเอ๋ย... จงหยิบดินสอขึ้นมา
เขียนว่า  ‘ประชาชน’
เพื่อที่ความจริงจะกระจายกว้าง
ผ่านสายตาทุกคู่ - ผ่านมือทุกมือ
หรือเพื่อที่มันจะถูกลบออกด้วยมือที่เหนือกว่า
แต่หากประชาชนยังอยู่
เราจะเพียรพยายามเขียนขึ้นใหม่
ด้วยแท่งดินสอทั้งแผ่นดิน
ด้วยลมหายใจทั้งแผ่นดิน
เพื่อนเอ๋ย... เขียนชื่อของพวกเราลงไปสิ
‘ประชาชน’
เขียนลงในธนบัตร

บทกวี เขียนชื่อของพวกเราลงไปสิ ในเล่ม จุดตัดบนฟากฟ้า

 

- 4 -
ไอ้ห่าเอ้ย
ศีลธรรมห่าๆ ไอ้ห่าพวกมึง
ไอ้กฎหมายห่า ไอ้รายได้ห่า งานห่าๆ
คุณภาพชีวิตห่าๆ ไอ้เสาไฟฟ้าห่า
บ้านห่าๆ ไอ้ถนนห่า ห่า ห่า ห่า
อากาศห่าๆ ห่าทั้งนั้น ไอ้ห่าเอ้ย
เมินเฉยทำไม  ไอ้ห่า  เอาให้แหลกสลายห่าเอ้ย
ลมหายใจห่าๆ ระงมเสียงห่าๆ ไอ้ต้นไม้ห่า
เซื่องซึมทำไม ไอ้ห่าเอ้ย  สัมภาระห่าๆ
สายน้ำแตกแขนงเป็นลำธารห่าๆ
อะไรจะเกิดขึ้นอีก ไอ้ห่าเอ้ย  ห่า  ห่า  ห่า  ห่า
ไอ้เศษเงินห่าๆ เหนื่อยเท่าไหร่ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น
ไอ้ห่าเอ้ย  ฝุ่นเข้าตา ...

บทกวี ฝุ่น ... จากเล่ม ศูนย์


- 5 -

ความยุติธรรม
แม่ง ... เหลือแดก
เฮ้ย!  มึงอย่าบ่น
ความยุติธรรม
หมักหมมอยู่ข้างใน
เฮ้ย!  มึงอย่าบ่นสิ
ความยุติธรรม
กูคือนักการตลาด
เฮ้ย!  เพลาๆ ลงหน่อย
ความยุติธรรม
ประสิทธิภาพยิ่งกว่ามาร์กซ์หรือเลนิน
เฮ้ย!  มึงอย่าบ่น
ความยุติธรรม
บนยอดหิมาลัย
เฮ้ย!  มึงจะบ่นไปทำไม
กูน่ะปวดกบาลกว่าใคร
กับความยุติธรรม
เหี้ย!  แม่ง ...เหลือแดก...

บทกวี ความยุติธรรม ... จากเล่ม ศูนย์


 

- 6 -
บางเรื่องก็ได้แต่พูดคนเดียว  
บางเรื่องเราถูกห้ามไม่ให้พูด
เลวร้ายกว่านั้นคือถูกบังคับให้ฟัง
ดีที่เรายังมีเสรีภาพที่จะแสร้งไม่ได้ยิน

บางส่วนจาก แบบจำลองของเหตุผล


 

 

- 7 -
เราเตือนคุณแล้ว
เราเตือนคุณแล้วอย่างมีมนุษยธรรม
อย่าทำให้เราหมดความอดทน
โลกควรปราศจากเชื้อโลกร้าย
โลกที่ปราศจากคุณจึงเป็นโลกอันพิสุทธิ์
ยาปฏิชีวนะล้าหลังกำจัดคุณไม่หมดสิ้นเสียที
ความอดทนของเรามีจำกัด
เปราะบางเพียงคุณขยับปากทักท้วงความคิดเรา
หุบปากและหยุดขยายพันธุ์เดี๋ยวนี้

บางส่วนจากบทกวี บัคเตรีในศูนย์กลางระเบิดนาปาล์ม
ในเล่ม ศตวรรษแห่งความพ่ายแพ้


- 8 -
คนดีทั้งนั้น
คนดีฆ่าคนดี
ตัดหัวเสียบประจาน-
คุณงามความดี
คนตายคือคนดี
คนฆ่าคนตาย
คือคนดี
คมดาบคือคนดี
ไม่มีใคร
ไม่ใช่คนดี
รอยเลือดของคนดี
ขาวบริสุทธิ์
แผ่ขยายทั่วอาณาจักร
คนดี

บทกวี goodness ในเล่ม ศตวรรษแห่งความพ่ายแพ้

 

 

- 9 -
คำถามแรก
คำตอบเป็นไปด้วยความคลาดเคลื่อน
สิ่งที่อยู่เหนือคำอธิบายทั้งปวงถูกปัดทิ้งลงทะเล
ความตายก็เป็นแบบนั้น
ถูกทำให้มีชีวิตด้วยวีรกรรมของความตาย
ชื่อนั้นถูกขานบ่อยครั้งบนเวทีการต่อรองช่วงชิง
สิ่งที่คนตายมิอาจอุทธรณ์ได้ด้วยการมีชีวิต
ชื่อของศพจึงถูกเหวี่ยงราวของเล่น
เขียนขึ้นบนแผ่นป้ายสีดำ
เขียนขึ้นบนถ้อยคำสัญญาที่พร้อมจะบิดเบือน
ทั้งหมดมิใช่เหตุบังเอิญ
หากคือการพลิกผันของสัญญาประชาคม
ที่ถูกเขียนขึ้นใหม่ภายใต้ความน่าเชื่อถือที่ถูกลบออกไป
ด้วยชื่อของศพ
คำถามที่สอง
คำตอบเป็นไปได้ด้วยการคาดเดา
สถานการณ์ความได้เปรียบยังคงอยู่เหนือคำสัญญา
คนตายจะถูกทำให้มีชีวิต
คนเป็นเริ่มจะตายจากไปทีละคนสองคน
ด้วยตรรกะที่ว่าอำนาจยังเป็นของประชาชนนั้น
จึงขอยกให้อยู่ในคำถามที่สาม
แล้วใครจะเป็นคนตอบ
เงียบ!

บทกวี คำถามที่สาม ในเล่ม อื่นใดนอกจากนั้น

 

 

- 10 -
โฮก, ประเทศลำไส้ห่าของฉัน เจ้านายเหนือหัว
มันจะถ่ายสุดก็ไม่สุด เรื้อรังรังควานไม่สิ้นสุด
ทุเรศทุรังบานปลายไปถึงดวงดากในอุดมคติ

ลำไส้ไวต่อความรู้สึก
โลกร้อนทวารหนักสุดปวดแสบของฉัน

บางส่วนจาก หมวกทรงกลมลอยวนรอบกรวยฝน




- 11 -

อย่าเป็นคนมีปัญญาเลยลูก...เดี๋ยวโดนยิง!
อย่าเดินนอกกระแสสังคมเลยลูก...เดี๋ยวโดนยิง!
อย่ามองสิ่งลึกจนแก่นสัจธรรมเลยลูก...เดี๋ยวโดนยิง!
เดินตามแม่เป็ดขี้เหร่ไปเถอะลูก...ปลอดภัย

บทกวี ยิง! ในเล่ม ดวงตาหลังศีรษะ

 

- 12 -
ข้าพเจ้าจัดเรียงความเศร้า
ความปวดร้าวเรียงแถว
อันดับหนึ่งคือทุกข์ระทม
ความขื่นขมเดินตามมา
อีกน้ำตาตามขบวน
ความเรรวนแห่งดวงจิต
โลกปิดล่มจมหาย
พร้อมสลายลงตรงความหวัง
แว่วเสียงดังโอดครวญ
ความปั่นป่วนร่วมบรรทุก
หมดสิ้นยุคความเบ่งบาน
สานสัมพันธ์ความหงอยเหงา
ปิดท้ายด้วยความเศร้า
คำเศร้าๆ
อีกนับแสนล้านคำ

บทกวี ขบวนลดไฟ ในเล่ม ปรากฏการณ์ส่วนเกิน

 

====================

ให้บทกวีเหล่านี้ เป็นอรรถรสหนึ่งในการอ่าน
เมื่อสมัครสมาชิกตลอดชีพรุ่นสอง คุณจะได้รับทั้งหมด!!!
ชีวิตการอ่านที่ครบถ้วนทั้งความคิดและความรู้สึก

เปิดรับสมาชิกตลอดชีพรุ่นสาม ผ่อน 0 % เริ่มต้นเพียง 4,400 บาทต่อเดือน

#รับจำนวนจำกัดเหมือนเดิม
#ปรับราคาขึ้นตามปฏิจจสมุปบาท
#มีระบบผ่อนเหมือนสมาชิกสองรุ่นแรก
#ได้รับหนังสือทุกเล่มที่มีอยู่และจากนี้ตลอดไป
#มีสิทธิพิเศษอื่นอีกหลายอย่างที่มากกว่าเดิม


ผู้อ่านสามารถออกแบบงวดผ่อนชำระเองได้ ได้รับหนังสือเมื่อชำระครบ -- ชำระผ่านบัตรเครดิตได้

รายละเอียดคลิก คำประกาศความรู้สึกและจินตนาการใหม่ในการทำสำนักพิมพ์

#รับจำนวนจำกัด #ครบจำนวนปิดรับทันที #ได้รับหนังสือทุกเล่มที่มีอยู่และจากนี้ตลอดไป

========================

แนะนำสำหรับ'คอกวี' กับ ชุดหนังสือ 'บทกวีคือการปฏิวัติ' รวมข้อเขียนภาวะกวีชิ้นสำคัญทั้งไทยและเทศ ครบรส กลมกล่อม

นอกจากนี้ยังมีบทกวีชุดอื่นให้ผู้อ่านเลือกตามความสนใจในราคาพิเศษ

ดูเพิ่มเติมคลิก SPECIAL SET

----------------

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้